8 เทรนด์หรือแนวโน้มสำคัญสำหรับ อุตสาหกรรม Building Material ประจำปี 2025
สำหรับทิศทางแนวโน้มของธุรกิจในอุตสาหกรรม Building Material นั้นเกิดจากปัจจัยที่ส่งผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับ Key Impact โดยการ Monitor Impact เราใช้ STEEPI Frame Work Social , Technology, Economic, Environment , Politic, Inner Needs ซึ่งสามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้
🧭 Key Impact
1. Climate Change
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือภาวะโลกร้อนเป็นเมกะเทรนด์ใหญ่ของโลก ซึ่งมีด้วยอิทธิพลการลงนามของ Paris Agreement ซึ่งมีผลต่อการที่แต่ละอุตสาหกรรมต้องเข้ามามีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาโลกร้อน
2. Carbon Issue
มาตราการทางด้านกฎหมายที่จะเข้ามามีผลต่อการออกแบบอาคารในทุกๆ ประเภท โดยเจ้าของโครงการต่างๆต้องเริ่มมีการลดการปล่อย CF (Carbon Footprint) และมีดาต้าในการประเมินเพื่อแสดงถึงการเป็นองค์กรที่มีจุดมุ่งหมายในการสร้างความยั่งยืนให้กับโลก โดยกฎหมายด้านคาร์บอนจะเข้ามามีบทบาทในการบังคับใช้มากขึ้น
3. Price War
สินค้าราคาถูกจากจีนผ่านช่องทางต่างๆ ทำให้สินค้าที่ไม่มีคุณค่าที่แตกต่างจะไม่สามารถสู้สินค้าที่นำเข้าจากจีนได้ และมีโอกาสหายไปจากตลาด
4. Trust เนื่องจากคู่แข่งที่มากขึ้นในทุกช่องทาง แบรนด์ที่กลุ่มเป้าหมายไว้วางใจ (มากกว่าแค่รู้จัก) จึงเป็นแบรนด์ที่ได้รับโอกาสมากกว่าในการตัดสินใจของมือโปร และเจ้าของโครงการ
จากผลกระทบที่เกิดขึ้นตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น จึงก่อให้เกิดเทรนด์ที่เป็นแนวโน้มที่ทำให้ทุกท่านในอุตสาหกรรมนี้ไปดำเนินทำงานกันต่อไป ดังนี้

1. Low Carbon Architecture
แบรนด์วัสดุที่สามารถพัฒนานวัตกรรมในการเป็นวัสดุคาร์บอนต่ำ จะสามารถช่วยให้การออกแบบเป็นสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำจะเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญในอนาคต
2. Self - Declared Carbon Footprint Data
การประกาศตนเป็นแบรนด์สายเขียวไม่เพียงพออีกต่อไป ต้องมีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมโดยการมีข้อมูลที่สามารถชี้แจงถึงการปล่อย CF (Carbon Footprint) ว่ามีมากน้อยแค่ไหน และมีแผนการดำเนินการในการลดอย่างไร และจะกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ
3. Brand Superfans
การสร้างแบรนด์เป็นสิ่งที่ทำให้เราหลีกหนีสงครามราคา การสร้างแบรนด์ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ทำให้คนจำนวนมากรู้จัก แต่มุ่งเป้าไปเป็นการทำให้เกิดความรัก และบอกต่อแบรนด์นั้นๆ
4. High - Performance Material
การพัฒนานวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น จะเป็นที่ต้องการ และสร้างมูลค่าเพิ่มที่เหนือตลาด อาทิ วัสดุทนชื้นพิเศษ , ทนไฟ, ลดความร้อนในอาคาร หรือการใช้กราฟฟีนมาเพิ่มประสิทธิภาพของวัสดุ แนวโน้มนี้มีโอกาสที่จะสเกลตลาดได้อย่างรวดเร็ว
5. Well - Being Material
การพัฒนาวัสดุที่คำนึงถึงสุขภาวะของการอยู่อาศัยของผู้คนทั้งในด้านของกายภาพ และจิตใจ วัสดุกลุ่มนี้อาทิ เช่น วัสดุปลอดสารพิษ, วัสดุพื้นที่นุ่มสบายรองรับแรงกระแทกสำหรับผู้สูงวัย เป็นต้น
6. Communities Marketing
การตลาดที่ต้องมีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ และเข้าใจความต้องการที่ซ่อนเร้นเชิงลึกจริงๆ
(Unmet Need) จะทำให้การใช้งบมีประสิทธิภาพสูงมีโอกาสสร้าง Lead Performance ได้มากกว่า
7. Build Brand Acceptance (More than Brand Awareness)
การสร้างแบรนด์ที่ขึ้นไประดับการสร้างความเชื่อมั่น หรือ ยอมรับในแบรนด์จะทำให้หนีสงครามราคา โดยการทำการตลาดประเภทนี้จะมุ่งเน้นการให้ความรู้กับลูกค้ามากกว่าการรีวิวเพื่อการขายทั่วไป
8. SEO Organic
การตลาดออนไลน์ยังคงมีความสำคัญมากในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเมื่อต้องการสินค้าเหล่านั้น แต่อยู่ที่การสร้างประสิทธิภาพของคอนเทนต์ให้สามารถติดการค้นหาจากทุกช่องทางได้แบบธรรมชาติซึ่งผู้บริโภคจะไว้วางใจมากกว่า
แนวโน้มทั้งหมดที่เกิดขึ้น ยิ่งเราทำได้หลายข้อยิ่งดี และต้องเร่งมือเพื่อหนีจากสงครามราคาที่ผู้ผลิตจากจีนเข้ามาทำตลาดผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ มากยิ่งขึ้น หากท่านช้าในการปรับตัว แบรนด์ของท่านอาจหายไปในตลาดได้ในไม่ช้า ครับ
สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาด้านการพัฒนาแบรนด์ให้มีมูลค่าและทำให้ธุรกิจเติบโต
ได้ที่ โทร. 088-2236546 (คุณเอม)
อีเมล์ Sutthinee.b@baramizi.co.th