ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำว่า “Global Brand”
- Baramizi
- 15 พ.ค.
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 16 พ.ค.
🌍 ปัจจุบันด้วยสาเหตุหลายอย่างทำให้ประเทศไทยเรามีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำ รั้งท้ายในอาเซียน โดย GDP เติบโตไม่ถึง 2% ด้วยซ้ำ หากรัฐบาลยังเป็นแบบนี้ ไม่มีวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ และเอาการเมืองอยู่เหนือการเติบโตของประเทศ แต่ทุกอย่างในวิกฤติย่อมมีโอกาส แบรนด์ที่ปรับตัวได้เท่านั้นจึงจะอยู่รอด เมื่อตลาดในประเทศไม่โต ก็ต้องคิดถึงตลาดในต่างประเทศครับ ซึ่งไม่ใช่แค่คิดแต่ส่งออกสินค้า แต่ควรมองให้ไกลไปถึงการส่งออกแบรนด์ จึงจะสร้างการเติบโตในระยะยาวได้จริง ๆ ครับ
ในยุคที่การเชื่อมต่อข้ามพรมแดนกลายเป็นเรื่องง่าย หลายธุรกิจเริ่มมองหาโอกาสในการ “ขยายแบรนด์ไปสู่ระดับโลก” แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เราต้องเข้าใจก่อนว่า Global Brand ไม่ได้หมายความว่า “ต้องใหญ่” หรือ “ต้องเหมือนกันทุกอย่างทั่วโลก” ความเข้าใจผิดนี้อาจทำให้ธุรกิจวางแผนผิดทิศ หรือเสียทรัพยากรโดยไม่จำเป็น และทำให้เราไม่กล้าที่จะคิดใหญ่ เรามาดูกันว่าสิ่งที่เรามักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำว่า Global Brand มีอะไรบ้าง ?

1. Global Brand ค่อยมาคิดตอนที่ธุรกิจเติบโตในประเทศก่อน ?
ความจริง : เรื่องนี้คือแนวคิดของการดำเนินธุรกิจที่ควรคิดจะขายคนทั้งโลก ทำให้คนทั้งโลกใช้แบรนด์ของเรา แบรนด์ที่มาจากประเทศไทย แนวคิดที่ผิดคือการคิดว่าโตแล้วค่อยทำ ซึ่งทำให้การสร้างแบรนด์นั้นผิดตั้งแต่กระดุมเม็ดแรก การคิดใหญ่ฝันใหญ่นั้น ไม่ทำร้ายใคร แต่ทำให้เราคิดอะไรแล้วเห็นเป้าหมายชัดเจนและรู้ว่าสิ่งที่จำเป็นต้องทำตั้งแต่วันแรกคืออะไร ได้แก่
1.1 การคิดพัฒนาสินค้าที่สามารถสเกลได้ ทำให้ตลาดมีโอกาสขยายขนาดได้ต่อเนื่อง
1.2 การจัดทำ Business Model ที่ต้องคิดรูปแบบการจัดหารายได้ตั้งแต่แรก ๆ ที่จะทำให้แบรนด์ของเราสามารถมีการสร้างรายได้ที่สเกลได้
1.3 การตั้งชื่อแบรนด์ที่ต้องคิดให้เป็นสากล จดจำง่าย ออกเสียงได้ง่าย มีเอกลักษณ์ในการเรียกตั้งแต่วันแรก
1.4 การปกป้องและคุ้มครอง Brand Protection การคิดถึงความคุ้มครองในเครื่องหมายการค้าของเราที่จะต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรก ๆ หากไปเปลี่ยนหรือถูกผู้อื่นนำไปจดก่อน จะเป็นการเสียโอกาสครั้งใหญ่มาก เช่น เคสซอสพริกศรีราชา ที่ถูกคนเวียดนามไปจดเทรดมาร์กที่อเมริกา ทำให้ต้นตำรับจากประเทศไทยไม่สามารถใช้ชื่อนี้ในตลาด US ได้ นับว่าสูญเสียโอกาสและรายได้ในอนาคตอย่างมาก
2. Global Brand ต้องเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ถึงไปได้ ?
ความจริง : Global Brand ไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่คือแบรนด์ที่มีคุณค่าที่เชื่อมโยงกับผู้คนได้หลากหลายประเทศ เชื่อมโยงกับผู้บริโภคต่างวัฒนธรรม มีคุณค่าแบรนด์ที่ชัดเจน (Brand Values) ที่เข้าถึงใจคนทั่วโลกได้ สิ่งที่ต้องใหญ่ไม่ใช่ขนาดบริษัท แต่ต้องมีคุณค่าแบรนด์ที่มีความชัดเจน และขยายตลาดจากคุณค่าแบรนด์นั้น ๆ ไปได้หลากหลายประเทศ
ตัวอย่าง :
แบรนด์ Frank Green (แก้วน้ำจากออสเตรเลีย) มีขนาดเล็ก แต่โด่งดังในญี่ปุ่นและยุโรปด้วยภาพลักษณ์ Eco-Friendly ♻️
ที่มา : www.thehomebarista.com
3. Global Brand ต้องใช้ภาพลักษณ์หรูหรา ดูพรีเมียม ?
ความจริง: การเป็น Global ไม่จำเป็นต้อง “พรีเมียม” หรือ “หรูหรา” สิ่งสำคัญคือ ความชัดเจนและสม่ำเสมอของแบรนด์ เช่น เป็นแบรนด์ที่มีบุคลิกภาพที่เรียบง่ายแต่ชัดเจน (Minimalist Clarity) โดยใช้ Soft Power หรือวัฒนธรรมท้องถิ่นดึงดูดใจ
ตัวอย่าง:
MUJI และ Uniqlo มีภาพลักษณ์เรียบง่าย แต่สื่อสารความเป็นญี่ปุ่นอย่างชัดเจน และไปได้ไกลทั่วโลก 🌏
4. Global Brand ต้องใช้ภาษาสำเนียงของภาษาอังกฤษเท่านั้น ?
ความจริง : การสื่อสารแบรนด์ในระดับโลกต้องการความเป็นเอกลักษณ์ที่สูง การใช้ภาษาเพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่แตกต่าง สามารถใช้ชื่อและสำเนียงจาก local ในการขยายตลาดออกไปสู่ Global ได้ ทั้งการใช้ภาษาท้องถิ่นเพื่อสร้างความใกล้ชิด (Localization) และการใช้ภาพและอารมณ์เป็นภาษากลาง (Visual Language)
ตัวอย่าง:
Sulwhasoo แบรนด์เครื่องสำอางจากเกาหลี ใช้ชื่อที่มีรากวัฒนธรรมเกาหลี และประสบความสำเร็จทั่วโลก
แบรนด์ไทยอย่าง ทองสมิทร์ ก็สามารถใช้ชื่อจากวัฒนธรรมไทยขยายไปทั่วโลกได้เช่นกัน
5. Global Brand ต้องใช้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ?
ความจริง : Global Brand ที่ประสบความสำเร็จมักจะมีบางอย่างที่ต้องรักษาให้มาตรฐานเดียวกัน ได้แก่ Brand Value และ Brand Identity เป็นต้น แต่มีบางอย่างที่ต้องปรับให้เข้ากับความเป็นท้องถิ่น โดยเฉพาะรสชาติ หรือพฤติกรรมการบริโภคสินค้าในท้องถิ่นนั้น ๆ “คิดระดับโลก แต่ปรับตามท้องถิ่น” (Think Global, Act Local) ได้แก่ รสชาติ หรือแม้แต่ชื่อสินค้า
ตัวอย่าง:
แมคโดนัลด์ มีเมนู “ลาบ” ในไทย
KFC มี “วิงซ์แซ่บ”
แดรี่ควีน มี “มะม่วงข้าวเหนียว”
ที่มา : FB KFC , McDonald's
6. ต้องใช้งบการตลาดมหาศาลถึงจะสร้าง Global Brand ได้
ความจริง : ยุคนี้แบรนด์สามารถสร้างการรับรู้ระดับโลกได้ด้วยงบจำกัด ใช้ Content Strategy ที่เน้นความจริงใจและแตกต่าง ด้วยการให้ผู้บริโภคเป็นผู้ทำคอนเทนต์ด้วยตัวเอง UGC (User Generated Content) และ Influencer แบบเฉพาะกลุ่ม
ตัวอย่าง:
แบรนด์ After You เติบโตด้วยพลังของโซเชียลมีเดียและรสนิยมต่างชาติ
Erawan Luxury Glossary ใช้กลยุทธ์ให้เซเลบริตี้โพสต์ภาพผ่าน IG จนเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ 📸
ที่มา : www.theerawan.com,After you
🧭 สรุปประเด็นสำคัญ คือการก้าวสู่ Global Brand นั้นต้องคิดตั้งแต่วันแรก ๆ ในการดำเนินธุรกิจ และสร้างความพร้อมตั้งแต่แรกเริ่ม เปรียบเสมือนจะเดินทางไปต้องวางเป้าหมายตั้งแต่แรก ทำให้ทุกๆ การเดินของธุรกิจเป็นไปอย่างถูกทางและแม่นยำ การไปแก้เรื่องแบรนด์ระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชื่อหรือ Identity นั้นใช้งบประมาณอย่างมาก และทำให้เสียเวลาในการเดินทางอย่างมาก
🌟 ฝันใหญ่ไม่ทำร้ายใครครับ
---------------------------------------------------------------------------------- 📍ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : 088-2236546 (คุณเอม) Sutthinee.b@baramizi.co.th
#Global Brand #InternalBranding #BaramiziConsultant