top of page

5 คุณสมบัติในการออกแบบโลโก้สำหรับ Global Brand

  • รูปภาพนักเขียน: Baramizi
    Baramizi
  • 2 มิ.ย.
  • ยาว 1 นาที

🎯สำหรับการสร้างแบรนด์นั้น สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้บ่อยครั้ง หรือถ้าหากต้องเปลี่ยนนั้นก็ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ Brand Logo ซึ่งคือส่วนหนึ่งของการสร้างอัตลักษณ์แบรนด์ (Brand Identity) ในตลาด และต้องนำไปสู่การจดความคุ้มครองในรูปแบบเครื่องหมายการค้า (Trademark)


เราจึงควรใส่ใจและมีความพิถีพิถันต่อเรื่องนี้อย่างมากตั้งแต่แบรนด์เราเริ่มกำเนิดขึ้น !


การสร้างแบรนด์ให้ไปสู่ Global Brand นั้น การตั้งชื่อแบรนด์และการออกแบบโลโก้ที่พิถีพิถัน และมีความเข้าใจในวิธีคิด วิธีการที่ถูกต้องตั้งแต่กระดุมเม็ดแรก ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากในการเริ่มต้นก้าวสู่การเป็น Global Brand


ในตอนนี้เราจะมาคุยกันว่าหลักการออกแบบโลโก้แบรนด์ที่จะสามารถพัฒนากลายไปเป็น Global Brand ได้นั้นมีอะไรบ้าง ลองไปดูกันเลยครับ



5 คุณสมบัติในการออกแบบโลโก้สำหรับ Global Brand


1. ความเรียบง่าย (Simplicity)  

โลโก้ที่ดีต้องเข้าใจง่ายและจดจำได้ในทันทีเมื่อแรกเห็น และเป็นความเรียบง่ายที่มนุษย์ทั่วไปบนโลกสามารถเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ง่ายยิ่งดีครับ ในทางตรงกันข้ามโลโก้ที่ซับซ้อนเกินไปอาจทำให้ผู้บริโภคจำยากในความเรียบง่ายนั้น โดยมากมีเทคนิคคือ


A : การใช้การออกแบบที่มาจากรูปทรงหรือสัญลักษณ์ไม่ซับซ้อน

เช่น

- สัญลักษณ์ลูกแอปเปิ้ล ของแบรนด์ Apple

- สัญลักษณ์เครื่องหมายถูกที่มาจากปีกของเทพแห่งชัยชนะของแบรนด์ Nike

- สัญลักษณ์ ตัวเอ็ม ของแบรนด์ McDonald’s


ที่มารูป : Apple,Nike,McDonald's 


B : การใช้เส้นหรือรูปทรงพื้นฐาน (วงกลม, สี่เหลี่ยม, เส้นตรง)

มีจุดเด่นคือ เข้าใจง่าย, เข้าถึงได้ทุกวัฒนธรรม, และมีแนวโน้มจะเป็น โลโก้ที่ทรงพลังระดับสากล เพราะรูปทรงเหล่านี้เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนรู้จักและมีความหมายในตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งภาษา มีความเข้าใจง่ายในทุกวัฒนธรรม อาทิ เช่น รูปทรงของแบรนด์โลโก้ที่ใช้

✅ รูปทรงเป็นวงกลม ได้แก่  แบรนด์ Pepsi, Toyota, Mastercard

มีความหมาย คือ ความกลมกลืน ความครบถ้วน ความเป็นโลกหรือสากล

✅ รูปทรงสี่เหลี่ยม ได้แก่ แบรนด์ Microsoft, BBC, Lego

มีความหมายความมั่นคง ความชัดเจน ความเป็นระบบ

ที่มารูป : LEGO,Microsoft,BBC News

2. ความเป็นสากล (Universality)

คือโลโก้ที่สามารถ เข้าใจ, เชื่อมโยง, และ จดจำได้ โดยผู้คนจาก ทุกวัฒนธรรม ทุกภาษา และทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยไม่จำเป็นต้องแปลหรืออธิบายเพิ่มเติม ไม่มีความหมายด้านลบในวัฒนธรรมใด หลีกเลี่ยงรูปหรือสีที่อาจมีความหมายไม่ดีในบางประเทศ เช่น สีขาวในบางประเทศ = ความบริสุทธิ์, แต่ในบางที่ = ความตาย เป็นต้น


และต้องมีการออกแบบที่เปิดให้คนตีความได้กว้าง (Open-Ended Interpretation) ไม่สื่อความหมายเฉพาะเจาะจงเกินไป เช่น ไม่เป็นภาพเฉพาะศาสนา หรือประเพณีหนึ่งๆ ตัวอย่างเช่น โลโก้ของ Olympics (ห่วง 5 สี) ความสามัคคีของทวีปต่างๆ

ที่มารูป : www.olympics.com

3. ความโดดเด่นและเอกลักษณ์ (Distinctiveness & Uniqueness)  

คือ การออกแบบโลโก้ที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์และไม่เหมือนกับแบรนด์อื่น สามารถแยกตัวเองออกจากคู่แข่งได้อย่างชัดเจน, ไม่มีใครเหมือน, และจดจำได้ทันที เมื่อเห็นเพียงแวบเดียว เทคนิคที่มักใช้กันคือ 

A : มีเรื่องราวหรือแนวคิดเฉพาะตัว (Brand Story)

อาทิ โลโก้ของสตาร์บักส์มาจากภาพนางเงือกไซเรนที่มาจากตำนานรูปสัตว์นำโชคของเรือที่ออกทะเลในประเทศอิตาลี

B : มีสีที่เป็นเอกลักษณ์ อาทิ แบรนด์ Tiffany & Co. ใช้สีฟ้าเฉพาะ (Tiffany Blue)

โดยสามารถสร้างพลังของสีที่มีอัตลักษณ์ได้อย่างโดดเด่น ไปจนถึงวิถีชีวิตของคนว่าเมื่อคุณสุภาพสตรีแค่เห็นกล่องสีฟ้าวางบนหัวเตียง นั่นหมายถึงเรื่องตื่นเต้นและความทรงจำอันน่าประทับใจ

C : มีตัวอักษรที่เป็นเอกลักษณ์ทันสมัย

อาทิ แบรนด์ Coca - Cola, Disney, Google เป็น Global Brand ที่มีการใช้ตัวอักษรที่สร้างความพิเศษสำหรับแบรนด์ตนเองโดยเฉพาะ ทำให้ง่ายต่อการจดจำและสอดคล้องกับคุณค่าของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

 

ที่มารูป : FB Coca-Cola, Disney Store,Google

4. ความสามารถในการปรับใช้ (Adaptability)  

คือโลโก้ที่สามารถใช้งานได้อย่าง ยืดหยุ่นในทุกบริบท, ทั้งในแง่ของ ขนาด, สี, สื่อ และ สถานการณ์ โดยไม่สูญเสียอัตลักษณ์ของแบรนด์ 

A : ใช้งานได้ทุกขนาด (Scalable)

ดูดีและชัดเจนทั้งขนาดเล็ก (เช่น Desktop, แอปมือถือ) และขนาดใหญ่ (เช่น ป้ายโฆษณา, บิลบอร์ด)

B : รองรับหลายรูปแบบ (Responsive Design)

มีเวอร์ชันหลายรูปแบบ:แบบเต็ม (full logo: สัญลักษณ์ + ตัวอักษร) แบบย่อ (symbol-only)แบบแนวนอนและแนวตั้ง 

C : รองรับสื่อทุกประเภท (Cross-Platform Use)

ใช้ได้ทั้งใน: สิ่งพิมพ์ (โปสเตอร์, นามบัตร) ดิจิทัล (เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย, แอป) ผลิตภัณฑ์จริง (บรรจุภัณฑ์, เสื้อผ้า, สินค้า) เป็นต้น 

D : ง่ายต่อการผลิตและนำไปใช้ไม่นำเสนอรายละเอียดเล็กจนนำไปใช้จริงได้ยาก

(เช่น เส้นบางเกินไป หรือซับซ้อนเกินไป) เหมาะกับการสกรีน, เย็บปัก, ปั๊มโลหะ ฯลฯ

 

5. ความเหนือกาลเวลา (Timelessness)

คือโลโก้ที่สามารถคงอยู่ได้ยาวนานโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนบ่อย และยังคง ดูดี มีพลัง และสื่อสารตัวตนของแบรนด์ ได้อย่างชัดเจน แม้เวลาผ่านไปหลายสิบปี ทำให้ไม่ต้อง “รีแบรนด์” บ่อย ๆ เพราะโครงสร้างหลักยังทรงพลัง เทคนิคที่มักใช้กัน อาทิเช่น 

A : มีแนวคิดที่มั่นคงจากคุณค่าแบรนด์มากกว่าความหวือหวาของดีไซน์

ไม่เปลี่ยนตามกระแสโลโก้ที่ดีควรสะท้อน “แก่น” ของแบรนด์ มากกว่าแค่ความทันสมัย ไม่ตามแฟชั่น เช่นการใช้กราฟิก 3D หรือ Gradients ที่อาจตกยุคเร็ว เช่น Coca-Cola ใช้ฟอนต์ลายมือแบบเดียวกันมาตั้งแต่ปี 1887!

B : มีรูปแบบไอคอนที่เรียบง่าย (Simplicity Icon)

ความเรียบง่ายช่วยให้โลโก้ไม่ล้าสมัยไม่มีดีไซน์ที่อิงกับ “เทรนด์แฟชั่น” ในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งเกินไป เช่น โลโก้ Apple ใช้มานานกว่า 20 ปี โดยเปลี่ยนเพียงแค่ “สไตล์ของพื้นผิว หรือ สี" แต่ยังคงรูปแอปเปิ้ลถูกกัดเหมือนเดิม


🎯 การออกแบบโลโก้ที่จะกลายเป็น Global Brand นั้นจะเอาแค่ตามใจชอบของเรา หรือ มองแค่สวย ไม่สวย หรือ โดนหรือไม่โดนไม่ได้อีกต่อไปครับ อย่างน้อยเอาทั้งห้าข้อนี้ไปเป็นเช็คลิสกันดูนะครับ


----------------------------------------------------------------


📍ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : 088-2236546 (คุณเอม) Sutthinee.b@baramizi.co.th

 


 
 
BARAMIZI CO., LTD

111 True Digital Park West, Unicorn Building, Unit 1016, 10th Floor, Sukhumvit Road, Bangchak, Phra Khanong, Bangkok 10260
Tel : 092-280-8360

www.baramizi-consultant.com

Sale & Marketing 

Email : Sutthinee.b@baramizi.co.th

Phone : 088-223-6546

  • line (1)
  • facebook
  • youtube
Baramizi Consultant
Baramizi Lab
BBA Academic
Baramizi Climate Tech
Innovator X

กรอกข้อมูลเพื่อให้ทีมงานติดต่อกลับ

THANK YOU.

© 2025 by Baramizi Consultant

bottom of page